บริการด้วยความจริงใจ...

บริษัททัวร์มาตรฐาน คุณภาพประทับใจ ด้วยโปรแกรมเที่ยวหลากหลาย ทั่วทุกมุมโลก...ราคายุติธรรม เป็นกันเองดุจญาติมิตร
ติดต่อ...แก้วพิมลทัวร์ โทร. 02-1921472 , 092-2641742,093-3264542 (โค้ก)
"มีความสุขให้ทุกคน...กับแก้วพิมลทัวร์"

ทัวร์ญี่ปุ่น(3) นางาซากิ

วันจันทร์ที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ / คุมาโมโต้-นางาซากิ



    อรุณสวัสดิ์ครับ ตื่นเช้ามารับอากาศบริสุทธิ์ที่หนาวเย็นกำลังดี หลังจากพักผ่อนนอนหลับอย่างมีความสุขตลอดคืน บรรยากาศแจ่มใสเป็นสัญญาณที่ดีว่าวันนี้คงได้เที่ยวชมสถานที่ต่างๆได้อย่างสนุกสนาน

     
               อาหารเช้าแบบเบาๆสไตล์ญี่ปุ่น ที่ยังอร่อยได้อีกเสมอๆ อิ่มแล้วก็ออกเดินทางสู่เมืองนางาซากิ
เมืองเก่าแก่อันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เมื่อครั้งอดีตถือเป็นเมืองท่าที่มีการติดต่อค้าขายแลกเปลี่ยนอารยธรรมต่างๆกับโลกตะวันตก และเป็นเมืองที่อยู่ในความจดจำของสงครามโลกครั้งที่ 2


            สถานที่แรกที่ไปเที่ยวชมคือสวนโกลฟเวอร์ ซึ่งสร้างโดยคหบดีชาวอังกฤษที่เข้ามาค้าขาย และซื้อที่บริเวณภูเขาริมอ่าวของเมืองนางาซากิ มีบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่สวยงาม


                     แมวญี่ปุ่น ที่คอยต้อนรับผู้มาเยือนอย่างน่ารักน่าชังเสียจริงๆ


   
    ครอบครัวหรรษาน่ารัก  หนึ่ง...สอง...สาม...Action!


       รูปปั้นของมาดามบัตเตอร์ฟลาย หรือ โจโจ้ซัง ที่เฝ้าคอยการกลับมาของคนรักอย่างซื่อสัตย์




    ดอกซากุระ เริ่มบานให้เห็นอย่างสวยงาม ถ่ายรูปกันด้วยความตื่นเต้นเพราะยังไม่ถึงฤดูซากุระบาน


   ออกจากสวนไปทานอาหารกลางวันแล้วก็ไปชมสะพานหินเก่าแก่เมงาเนะบาชิ หรือสะพานแว่นตา ซึ่งสร้างข้ามแม่น้ำนากาชิมะ ที่ไหลผ่านกลางเมืองนางาซากิ


   ถ่ายรูปหมู่ ณ สวนสันติภาพ(Nagasaki Peace Park) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ทิ้งระเบิดปรมาณู    เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1945 ที่ทำลายชีวิตและทรัพย์สินไปเกือบหมดทั้งเมือง



    ทิวทัศน์ในมุมสูงที่สวยงามด้วยแสงสี มองจากจุดชมวิว บนยอดเขาอินาสะยามะ ที่ต้องขึ้นกระเช้าไปอากาศคืนนี้หนาวเย็นมาก แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าที่ได้ขึ้นไปชมวิวกลางคืนที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น สำหรับคืนนี้ "ราตรีสวัสดิ์" แล้วพบกันใหม่ในตอนต่อไป


ทัวร์ญี่ปุ่น(2) เที่ยวคิวชู คุมาโมโต้

คณะพิเศษ ท่องเที่ยวคิวชู คุมาโมโต้ ฟูกุโอกะ นางาซากิ ๒๕-๒๙ ต.ค. ๕๗ โดยการบินไทย(TG)


 การไปท่องเที่ยว "คิวชู" เกาะทางใต้ของญี่ปุ่นในครั้งนี้ ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริหารของโรงเรียนเอเซียคอมพิวเตอร์และภาษา ให้จัดทัวร์พิเศษคืนกำไรสำหรับผู้ใช้บริการของโรงเรียนฯ ซึ่งมีจำนวนที่เดินทางไปในครั้งนี้รวมทั้งคณะ 37 คน 


   ด้วยบริการของการบินไทย นำคณะเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ในเวลา 01.00 น.ของคืนวันเสาร์ที่ 25 ต.ค.ใช้เวลาบินประมาณ 5 ชั่วโมง ก็เดินทางถึงสนามบินฟูกุโอกะ ตอน 8 โมงเช้าของวันอาทิตย์ที่ 26 ต.ค.(เวลาท้องถิ่นที่ญี่ปุ่น เร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง) หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งไม่ยุ่งยากอะไรแค่สแกนนิ้วมือและถ่ายรูปด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยแล้วก็ได้รับการประทับตราเข้าประเทศ และสามารถอยู่ได้ไม่เกิน 15 วันโดยไม่ต้องขอวีซ่า นับว่าสะดวกรวดเร็ว ประทับใจในบริการตั้งแต่ด่านแรกที่เข้าประเทศกันเลยทีเดียว
    อุณหภูมิวันนี้ 16 องศา เย็นสบายเพราะเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง เมื่อทุกคนพร้อมก็ออกเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศคันใหญ่ที่ทันสมัย สู่เมืองคุมาโมโต้


แวะพักผ่อนอิริยาบทและเข้าห้องน้ำ ณ จุดพักรถบนทางหลวง มีร้านค้าขายของน่ากินน่าซื้อมากมาย เลยได้ลองชิมขนมโมจิสด ไส้ถั่วแดง อร่อยดี!ไม่ผิดหวังที่มาถึงญี่ปุ่น




จากนั้น คณะก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติอะโสะ (Mt.Aso) ซึ่งเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟอะโสะ จัดเป็นกลุ่มภูเขาไฟที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีความสูง 1,592 เมตรจากระดับน้ำทะเล ประกอบด้วยยอดเขา 5 ยอด คือ Nekedake , Takadake , Nakadake , Eboshidake และ Kijimadake โดยมีภูเขาไฟ Nakadake เพียงปล่องเดียวที่ยังมีควันคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา




   แต่ก่อนที่จะขึ้นไปเที่ยวชมปล่องภูเขาไฟ ก็ต้องเพิ่มพลังด้วยอาหารญี่ปุ่นมื้อแรกเสียก่อน ณ ภัตตาคาร ที่เป็นจุดจอดพักรถก่อนจะขึ้นไปด้านบนของภูเขาไฟ อาหารมื้อนี้เป็นเซ็ท มีข้าวอบ แกงจืดซีฟู้ดหม้อไฟ เต้าหู้สด เต้าหู้ทอด ปลาแซลมอนทอด ไข่หวาน ผลไม้และขนมคุ้กกี้ อร่อยจนอิ่มแปล้เลยแหละ!

   
    อิ่มกันแล้วก็เดินทางต่อไปประมาณ 5 นาทีก็ถึงสถานีกระเช้าไฟฟ้าที่จะขึ้นไปชมปากปล่องภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ แต่เป็นที่น่าเสียดายไม่สามารถนั่งกระเช้าขึ้นไปได้เนื่องจากปิดให้บริการเพราะปริมาณก๊าซที่พวยพุ่งขึ้นมาจากปากปล่องภูเขาไฟมีปริมาณมากเกินไปจนอาจเป็นอันตรายกับสุขภาพของผู้ไปชม ซึงเรื่องนี้เขาคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก แต่ถึงจะไม่ได้ขึ้นไปชมบนปากปล่องจริงๆ ก็ยังมีภาพให้เราได้ชมอย่างใกล้ชิดเหมือนกัน



   หลังจากไหว้ขอพรเจ้าแม่กวนอิมโบราณ และถ่ายรูปเป็นที่ระลึกแล้ว ก็เดินทางกลับสู่เมืองคุมาโมโต้



 
    เราใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงตัวเมืองคุมาโมโต้ ซึ่งมีบรรยากาศร่มรื่นทางธรรมชาติที่ค่อนข้างสมบูรณ์มาก โดยสถานที่แรกที่ไปเที่ยวชมคือสวนซุยเซนจิ สวนสไตล์ญี่ปุ่นที่สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1632 มีความงดงามเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะภูเขาไฟฟูจิจำลองด้วยเนินหญ้าสูง







 
    ถ่ายรูปกับธรรมชาติกันเต็มอิ่ม และไหว้พระขอพรในวัดซึ่งอยู่ภายในสวนแล้วก็เดินทางต่อไปไม่ไกล สู่ ปราสาทคุมาโมโต้ ที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ อายุกว่า 400 ปี




   ปราสาทคุมาโมโต้นี้ ถือว่าสวยงามยิ่งใหญ่ติด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1670 โดยอิเดตะ ฮิเดโนบุ ทำจากไม้แท้ๆทั้งหลัง ส่วนกำแพงทำมาจากหิน ปราสาทหลังเดิมถูกไฟไหม้ถึง 2 ครั้ง แต่ก็ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ จนมีสภาพสมบูรณ์ให้เราได้มาเห็นในปัจจุบันนี้




    คณะของเราอำลา ปราสาทคุมาโมโต้ ในเวลาสายัณห์เมื่อตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว เพื่อเดินทางเข้าสู่ที่พัก  โรงแรม SEKIA รีสอร์ทบนเนินเขาที่สวยงาม ห้องพักสไตล์ญี่ปุ่นและสากลผสมกัน


    
   เช็คอินเข้าพักเรียบร้อยแล้ว ก็ใส่ชุดยูกาตะ มาทานอาหารค่ำแบบบุฟเฟ่ต์ญี่ปุ่น ซึ่งมีหลากหลายเมนูและที่พิเศษคือเมนูขาปูยักษ์ พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดจากเมืองไทย จนทำให้อิ่มอร่อยแบบจุใจไม่อั้นเลยทีเดียว อิ่มหนำสำราญกันแล้ว ก่อนจะเข้านอนก็ได้ผ่อนคลายกับการแช่น้ำแร่ร้อน"ออนเซ็น" แบบญี่ปุ่นที่ให้ความสุข สนุกสนานและประทับใจไม่รู้ลืม  "Oyasuminasai" "ราตรีสวัสดิ์ " พบกันใหม่ตอนหน้าครับ

ทัวร์ญี่ปุ่น

เดี๋ยวนี้ไปญี่ปุ่นไม่ต้องขอวีซ่าแล้ว จึงทำให้การไปเที่ยวแดนอาทิตย์อุทัยเป็นเรื่องง่ายขึ้นทันที เพียง 5 วัน 3 คืน หรือ 6 วัน 4 คืน ก็สามารถเที่ยวได้เกือบจะทุกแห่ง ด้วยราคาที่แสนประหยัด เริ่มต้นจาก 2 หมื่นกว่า ไปจนถึง 5 หมื่นกว่า(แล้วแต่สายการบิน)  ให้ท่านเลือกได้ตามอัธยาศัย ครั้งนี้ชมภาพสวยๆไปพลางก่อนจะนำเรื่องราวต่างๆของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ศิลปวัฒนธรรม อาหาร สินค้าของฝากของที่ระลึกต่างๆ มาให้ได้รับทราบกันในโอกาสต่อไป โปรดคอยติดตาม.....